บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ตุลาคม, 2017

ลิลิตโองการแช่งน้ำโคลงห้า หรือประกาศโองการแช่งน้ำ

         ลิลิตโองการแช่งน้ำบางทีเรียกว่า ประกาศโองการแช่งน้ำ หรือประกาศแช่งน้ำโคลงห้า หนังสือเรื่องนี้เป็นวรรณคดีเรื่องเดียวในรัชสมัยสมเด็จพระรามา ธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง) ที่มีอยู่ในปัจจุบันและต้นฉบับจารึกเป็นตัวอักษรขอม  สันนิษฐานว่าผู้แต่งคงจะเป็นพราหมณ์ผู้กระทำพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา หรือพระราชพิธีศรีสัจจปานกาล ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ พระราชพิธีนี้เป็นพระราชพิธีที่ข้าราชการทหาร พลเรือนและเจ้าประเทศราช แสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เป็นพระราชพิธีในราชสำนักขอมอันมีอินเดียเป็นต้นเค้า ในสมัยรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างพระแสงศรปลัยวาต พระแสงศรอัคนิวาต  และพระแสงศรพรหมมาสตร์ขึ้น และใช้พระแสงศรทั้ง ๓ องค์นี้ แทงน้ำตอนท้ายบทสรรเสริญเทพเจ้าแต่ละองค์ ผู้แต่ง :   ไม่พบหลักฐานว่าโองการแช่งน้ำแต่งเมื่อไร ? จึงหาหลักฐานไม่ได้ว่าใครแต่ง ? แต่สำนวน ภาษา ตลอดถึงระบบความเชื่อที่มีอยู่ในเนื้อความ ล้ว...

เรื่องย่อลิลิตโองการแช่งน้ำ

รูปภาพ
เรื่องย่อ :   เริ่มต้นด้วยร่ายดั้นโบราณ ๓ บท สรรเสริญพระนารายณ์ พระอิศวร  พระพรหมตามลำดับ ต่อจากนั้นบรรยายด้วยโคลงห้า และร่ายดั้นโบราณสลับกัน กล่าวถึงไฟไหม้โลกเมื่อสิ้นกัลป์แล้วพระพรหมสร้างโลกใหม่  เกิดมนุษย์  ดวงอาทิตย์  ดวงจันทร์  การกำหนดวัน เดือน ปี และการเริ่มพระราชาธิบดีในหมู่คน  แล้วอัญเชิญพระกรรมบดีปู่เจ้ามาร่วมเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ ตอนต่อไปเป็นการอ้อนวอนให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรืองอำนาจอันมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพยดา อสูร ภูตปีศาจ ตลอดจนสัตว์มีเขี้ยวเล็บเป็นพยาน ลงโทษผู้คิดคดกบฏต่อพระเจ้าแผ่นดิน ส่วนผู้ซื่อตรงภักดี ขอให้มีความสุขและลาภยศ  ตอนจบเป็นร่ายยอพระเกียรติพระเจ้าแผ่นดิน ตัวอย่างในลิลิตโองการแช่งน้ำ : สรรเสริญพระนารายณ์   โอมสิทธิสรวงศรแกล้ว  แผ้วมฤตยู  เอางูเป็นแท่น  แกว่นกลืนฟ้ากลืนดิน  บินเอาครุฑมาขี่  สี่มือถือสังข์จักร  คทาธรณีกีรุอวตาร  อสุรแลงลาญทัก  ททักคนีจรนาย(แทงพระแสงศรปลัยวาต) ไฟไหม้โลกเมื่อสิ้นกัลป์ นานาอเนกน้าวเดิมกัลป์   จักร่ำจักรพาลเมื่อ...

ฉันทลักษณ์จากสองฝั่งโขง คำศัพท์และสำนวนภาษา

รูปภาพ
ต้นฉบับโองการแช่งน้ำ เขียนอักษรลงบนสมุดข่อยที่พับเป็นเล่มขนาดยาว การเขียนอักษรจึงเรียงเป็นวรรคๆตามยาวจากซ้ายไปขวา ไม่ได้จัดเป็นรูปโคลงกลอนอย่างปัจจุบัน สมุดข่อยโองการแช่งน้ำฉบับต่างๆที่เหลือตกทอดสืบมาถึงปัจจุบัน (เก็บรักษาไว้ในหอสมุดแห่งชาติ)           รวมทั้งมีการคัดลอกสืบเนื่องกันมายาวนานมากเกือบพันปี ทำให้วิปลาสคลาดเคลื่อนทั่วไป เป็นเหตุให้มีข้อพิศวงสงสัยทั้งรูปคำและรูปฉันทลักษณ์           โองการแช่งน้ำ แต่งเป็นร่ายกับโคลง สลับกันตามเนื้อความของโองการ           ร่าย เป็นกลอนแบบหนึ่ง มีเค้าต้นจากคำคล้องจองของผู้คนชนเผ่าเหล่ากอตระกูลไทย-ลาว ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ก่อนรับศาสนาจากชมพูทวีป เรียกกลอนร่ายหรือภาษาร่าย ถือเป็นภาษาศักดิ์สิทธิ์ของหมอผีหรือหมอขวัญ           โคลง ก็เป็นกลอนอีกแบบหนึ่ง เรียกกลอนลำ คำกลอนประเภทนี้อาศัยจังหวะถ้อยคำและระดับเสียงสูงเสียงต่ำเป็นหลักล้วนๆ โดยไม่ยึดถือสัมผัสคล...

โองการแช่งน้ำ ของ จิตร ภูมิศักดิ์

รูปภาพ
 โองการแช่งน้ำ มีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น โองการแช่งน้ำพระพิพัฒน์สัตยา , ประกาศแช่งน้ำโคลงห้า , โคลงแช่งน้ำ           แต่จิตร ภูมิศักดิ์ เห็นว่าชื่อที่ถูกต้องตามเจตจำนงเดิมของราชสำนักอยุธยา คือโองการแช่งน้ำพระพัทธ์ คำว่า พัทธ หรือ พระพัทธ ในภาษาเขมรโบราณ หมายถึง สาบาน , คำสาบาน (มีรายละเอียดอยู่ในหนังสือโองการแช่งน้ำ ของ จิตร ภูมิศักดิ์ สำนักพิมพ์ดวงกมล พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2524)           ชื่ออันเป็นที่รับรู้ตรงกันทั่วไป คือ โองการแช่งน้ำ หมายถึง คำศักดิ์สิทธิ์สาปแช่งน้ำสาบานที่จะดื่ม(ในพิธีทำสัตย์สาบาน)เท่านั้น โดยไม่มีคำว่า “ลิลิต” เพิ่มเข้ามาข้างหน้า เพราะคำนี้นักวิชาการสมัยหลังตั้งชื่อเรียกกันเองว่าลิลิตโองการแช่งน้ำ           โองการ เป็นคำภาษาบาลี มาจากภาษาสันสกฤตว่าโอมการ หมายถึงอักษร โอม (คือคำย่อ อะ อุ มะ ที่ใช้กล่าวนำในการสวดสาธยายมนตร์ของพวกพราหมณ์)           แต่ที่ใช้ในภาษาไทย หม...

คุณค่าของหนังสือ

รูปภาพ
๑. ด้านภาษาและสำนวนโวหาร ลิลิตโองการแช่งน้ำนี้เป็นลิลิตเรื่องแรกในประวัติวรรณคดีไทย ใช้ถ้อยคำภาษาที่เก่า คำภาษาเขมร บาลี สันสกฤต และคำไทยโบราณปนอยู่มาก คำบางคำต้องสันนิษฐานความหมาย ทำให้อ่านเข้าใจยาก  ทั้งนี้ก่อให้เกิดความรู้สึกว่าคำมีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ เกิดอารมณ์หวาดกลัว ไม่กล้าคิดคดทรยศต่อพระเจ้าแผ่นดิน ลิลิตโองการแช่งน้ำนี้จึงมีคุณค่า สามารถใช้ศึกษาเกี่ยวกับการใช้คำในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นได้ ๒. ด้านสังคมและวัฒนธรรม ๒.๑ ทางการปกครอง เป็นวรรณคดีเกี่ยวกับพระราชพิธีแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์   จึงเป็นวรรณคดีที่มีคุณค่าต่อระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตย เพราะเป็นการให้สัตย์สาบานว่าจะซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และบ้านเมือง ทำให้เกิดความสามัคคีมีผลให้บ้านเมืองเป็นปึกแผ่น ๒.๒ ทางวัฒนธรรม วรรณคดีเล่มนี้เป็นหลักฐานแสดงถึงการได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากขอมและอินเดีย พิธีพราหมณ์ได้เข้ามาใช้ปะปนในพระราชพิธีต่าง ๆ และยังทำให้เห็นลักษณะการปกครองที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทวราชอีกด้วย ๒.๓ ความเชื่อถือทางศาสนา...